ทำธุรกิจแบบไหนดี ระหว่าง บุคคลธรรมดา กับ นิติบุคคล


ทำธุรกิจแบบไหนดี ระหว่าง บุคคลธรรมดา กับ นิติบุคคล

ทำธุรกิจแบบไหนดี ระหว่าง
บุคคลธรรมดา กับ นิติบุคคล

          การตัดสินใจทำธุรกิจ สิ่งที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ และทำความเข้าใจ มีหลายประเด็นด้วยกัน
ทั้งต้องรู้จักกับประเภทของกิจการ และต้องรู้หน้าที่สำคัญที่ต้องดำเนินการ รวมทั้งต้องศึกษาเงื่อนไข
ต่าง ๆ เพื่อตัดสินใจเลือกรูปแบบธุรกิจว่าจะเลือกทำธุรกิจแบบไหนดี ระหว่างเป็นกิจการรูปแบบ
บุคคลธรรมดา หรือแบบนิติบุคคล ดังนั้น เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ จึงมีข้อมูลเปรียบเทียบ
ของธุรกิจทั้ง 2 แบบ มานำเสนอ เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจยิ่งขึ้น ดังนี้

ประเด็น

บุคคลธรรมดา

นิติบุคคล

จำนวนผู้ลงทุน
หรือเจ้าของกิจการ

1 คน

2 คนขึ้นไป
- ห้างหุ้นส่วน 2 คนขึ้นไป
- บริษัท 3 คนขึ้นไป

การจัดทำบัญชี
และตรวจสอบบัญชี

จัดทำบัญชี รายรับ - รายจ่าย
ตามประมวลรัษฎากร เพื่อควบคุม
รายได้ รายจ่าย และเก็บไว้เป็น
หลักฐาน เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ

จัดทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชี
และต้องมีการรับรองโดยผู้ตรวจสอบ
บัญชี ที่ได้รับอนุญาต

การหักค่าใช้จ่าย

มี 2 แบบ
- หักค่าใช้จ่ายตามจริง
-หักค่าใช้จ่ายเหมาตามอัตราที่กำหนด

หักค่าใช้จ่ายตามจริง ต้องมีหลักฐาน
การรับและจ่ายเงินที่ถูกต้อง
ตามหลักการบัญชี และเป็นไป
ตามประมวลรัษฎากร

อัตราภาษี
และการเสียภาษี

เสียภาษีอัตราก้าวหน้า 5%-35%
จากรายได้หักค่าใช้จ่ายหักลดหย่อน
แล้วค่อยนำมาคำนวณภาษี
(เงินได้สุทธิ = รายได้ - ค่าใช้จ่าย -
ค่าลดหย่อน)
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

เสียภาษีในอัตรา 15% - 20%
จากยอดกำไรสุทธิหักค่าใช้จ่ายแล้ว
(กำไรสุทธิ = รายได้ - รายจ่าย)
กำไรสุทธิ x อัตราภาษี

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

กรณีเงินได้เกิน 1.8 ล้าน
ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

กรณีเงินได้เกิน 1.8 ล้าน
ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

เมื่อมีการจ่ายเงินได้
ส่วนใหญ่ไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย

เมื่อมีการจ่ายเงินได้ตั้งแต่ 1,000 บาท
ต้องหักณที่จ่าย ยกเว้นสัญญาต่อเนื่อง
ที่ต้องหักแม้ยอดไม่ถึง และนำส่ง
กรมสรรพากร

ผลประกอบการมีกำไร

เจ้าของกิจการรับเพียงผู้เดียว

จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนของ
เงินลงทุน

ผลประกอบการขาดทุน

- เสียภาษีขั้นต่ำ อัตรา 0.5% ของ
เงินได้ ถ้าภาษีไม่ถึง 5,000 บาท
ได้รับยกเว้น
- ผลขาดทุนไม่สามารถนำไปหัก
เงินได้ของปีอื่น

- ไม่ต้องเสียภาษี
- ผลขาดทุนสามารถนำไปหัก
จากกำไรปีอื่นได้ไม่เกิน 5 ปี

ความรับผิดชอบ

รับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้น
โดยไม่จำกัด

หนี้สินของกิจการไม่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้น
ผู้ถือหุ้นรับผิดไม่เกินมูลค่าหุ้น
ที่ค้างชำระ

จากข้อมูลข้างต้น เป็นเพียงข้อมูลบางส่วน

สำหรับผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นประกอบธุรกิจได้เห็น
ภาพชัดเจนขึ้นว่าจะเลือกแบบใด และแบบไหน
จะเหมาะสมกับตนเอง ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบ ต้องมี
การจัดทำบัญชีให้ชัดเจน เพื่อควบคุมรายได้
รายจ่าย และปฏิบัติทางภาษีให้ถูกต้องตาม
ข้อกำหนดของกฎหมาย โดยหวังว่าข้อมูล
เปรียบเทียบคงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลัง
ตัดสินใจจะประกอบธุรกิจไม่มากก็น้อย ทั้งนี้
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูล
เพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกแห่ง
หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence
Center) โทร. 1161

ที่มาข้อมูล:
http://www.rd.go.th